รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ดังนั้นพระองค์ (พระพุทธเจ้า) คงมี สาวกพราหมณ์ และ/หรือ สาวกมุสลิมหรืออื่น ๆ ศาสนาดั้งเดิมอันเก่าแก่ แต่พวกเขากลายเป็น สาวกของพระพุทธเจ้า แต่เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่ใช่ เผด็จการ พระองค์ปล่อยให้ ลูกศิษย์ของพระองค์ยังคง ปฏิบัติตามศาสนาของพวกเขาต่อไป เช่นเดียวกับในเงื่อนไขการประทับจิต ของเรา ฉันบอกว่าคุณทำต่อไป ปฏิบัติตามศาสนาของคุณและ ทำอะไรก็ตามที่คุณทำด้วย พิธีกรรมทางศาสนาของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลยและเช่นเดียวกับในกลุ่มของเรา เรามีผู้ประทับจิตที่เป็นมุสลิม เรามีผู้ประทับจิตชาวพุทธ เรามีผู้ประทับจิตเชน ทุกคนเป็นพี่น้องของคุณ หรือที่เรียกว่าลูกศิษย์ของฉัน และบางทีเราอาจมี ผู้ประทับจิตจากศาสนาบาไฮ เรายังมีลูกศิษย์กาวได๋ เข้ามาอยู่ในกลุ่มของเราด้วย เราอาจมีลูกศิษย์ ชาวพุทธฮว่าห่าวที่มาหาเรา เพื่อประทับจิต เพื่อทำการถ่ายทอด สายเลือด/เชื้อสายทางจิตวิญญาณ แต่พวกเขายังคงไป ไปโบสถ์ ไปวัด พบปะกับผู้เฒ่า พระภิกษุ แม่ชี หรือใครก็ตามที่ พวกเขาต้องการพบ และยังไปวัดช่วย เจ้าอาวาส พระภิกษุ หรือนักบวช หรือคริสเตียนบางคน ยังเป็นคริสเตียนต่อไป และพวกเขายังคงไปโบสถ์ ของพวกเขาต่อไปและทำสิ่งที่ พวกเขาชอบทำในคริสตจักรแต่พวกเขาควรนั่งสมาธิ ตามเวลาที่กำหนด คือ สองชั่วโมงครึ่ง เราควรให้เวลาหนึ่งในสิบ ทุกวันเพื่อจุดประสงค์ ในการรู้แจ้งของเรา เราอยากจะเดิน ขึ้นไปต่อ เราเพียงแค่ก้าวเท้าเล็ก ๆ และได้รับการรู้แจ้ง การรู้แจ้งทันที ซึ่งคุณสามารถมองเห็นแสงสว่าง แห่งสวรรค์ภายในหรือ รัศมีรอบ ๆ พระพุทธเจ้า ในนิมิตของคุณ คุณสามารถได้ยินพระวจนะ อันไพเราะจากพระเจ้า คำสอนจากสวรรค์ได้โดยตรง นั่นคือการรู้แจ้งของคุณ แต่มันไม่ใช่ การรู้แจ้งที่สมบูรณ์ มันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าคุณเคย บำเพ็ญในอดีตชาติ มามากแค่ไหนแล้ว จากนั้นคุณไปไกลกว่านั้น คุณจะไปเร็วขึ้นหรือช้าลง มันยังขึ้นอยู่กับความขยัน ความจริงใจ ความปรารถนา ที่จะกลับบ้านอีกครั้งของคุณ กลับบ้านกับพระเจ้าอีกครั้ง หรืออยู่ในดินแดนพุทธะอีกครั้ง แต่เพื่อการนั้น คุณจำเป็นต้องมีครู เพราะอาจารย์ที่แท้จริงนั้น ครูที่แท้จริง ไม่ใช่แค่สอน ด้วยปากอย่างเดียวเท่านั้น ตามที่ฉันบอกไป บางคน ไปสักการะพระพุทธเจ้า และฟังพระธรรมเทศนาของ พระพุทธเจ้าเพียงครั้งเดียว แล้วพวกเขาบางคนก็บรรลุ ตำแหน่งนักบุญที่สูง บางคนก็ต่ำกว่าเล็กน้อย บางคนก็สูงขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะพระพุทธเจ้าตรัส เท่านั้น แต่เป็นเพราะ พระพุทธเจ้าได้ถ่ายทอดสายเลือด ของพระองค์ สายเลือดฝ่าย จิตวิญญาณ จากเชื้อสายของพระองค์ ที่พระองค์ทรงได้เรียนรู้ และเชี่ยวชาญด้วยพระองค์เองถ้าพระศากยมุนีพุทธเจ้ามี สาวกจากภูมิหลังทางศาสนา ที่แตกต่างกันมากมาย และถ้าสาวกที่มีภูมิหลัง ทางศาสนาต่างกันคนใดคนหนึ่ง ได้รู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ หรือเป็นผู้สืบต่อจาก พระศากยมุนีพุทธเจ้า บุคคลนี้อาจจะไม่ได้อาศัยอยู่ กับพระพุทธเจ้าและ ไม่ใช่พระภิกษุของพระพุทธเจ้า แต่ ท่านอยู่ที่อีกฟากหนึ่ง ของประเทศ หรือ แม้แต่ในประเทศอื่น - ดังนั้น ตามที่อาจารย์ของท่าน คำสั่งของพระพุทธเจ้า ท่านจะทำการประทับจิตในบ้านเกิด ของท่านหรือที่อื่นใด และ รักษารูปลักษณ์ของภูมิหลัง ทางศาสนาของท่านไว้ ดังนั้น ผู้คนไปที่นั่น เพื่อการรู้แจ้ง แต่ไม่จำเป็นต้องไปพบคน จากกลุ่มศาสนาอื่น อย่างของพระพุทธเจ้า ดังนั้นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวกใหม่ ของผู้สืบทอดนี้จะไม่ได้พบ กับพระภิกษุ แต่อาจจะพบเห็นพราหมณ์ หรือนักบวชในศาสนาคริสต์ เป็นต้น นั่นไม่ได้หมายความว่านักบวช หรือนักเผยแผ่คนนั้น ไม่มีเชื้อสายการรู้แจ้ง จากพระพุทธเจ้า เพียงแต่เขาดูแตกต่างออกไป เพราะสายเลือดแห่งการตรัสรู้ มาจากภายใน เช่นเดียวกับ เลือดในเส้นเลือดของคุณ นี่คือเส้นเลือดจิตวิญญาณที่ มองไม่เห็น ดังนั้นคุณจะไม่เห็นดังนั้นไม่สำคัญว่า อาจารย์จะมีศาสนาเดียว กับผู้ก่อตั้งหรือไม่ เช่นเดียวกับสาวกของพระพุทธเจ้า ที่มาจากต่างศาสนา - ท่านจะดู ไม่เหมือนพระภิกษุ เขาดูไม่เหมือน พระภิกษุองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า ท่านอาจสวม ชุดคริสเตียนของบาทหลวง หรือท่านอาจแค่สวม ชุดแบบพราหมณ์ หรือท่านอาจจะแค่ สวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แต่ท่านได้รู้แจ้ง และเป็นผู้สืบทอด นี่คือปัญหาของคน จำนวนมากที่ต้องการ การรู้แจ้งมาก ต้องการมีอาจารย์ แต่พวกเขามักจะมองหา ระบบศาสนาของตัวเองอยู่เสมอ เหมือนชาวพุทธ จะไปหาพระภิกษุ คริสเตียนจะไป หาบาทหลวง และเช่นเดียวกับศาสนาอื่น ๆ อีกมาก มันก็เหมือนกับแม่น้ำ - ไม่จำเป็นต้องไหลไปใน ทิศทางเดียวกันตลอดเวลา บางครั้งมันลงไปใต้ดิน แล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง ที่ตำแหน่งอื่น และคุณอาจคิดว่า เป็นแม่น้ำคนละสาย แต่เป็นการต่อเนื่องจาก แม่น้ำสายเดิมที่อยู่สูง จากภูเขาบางแห่งดังนั้นหากผู้คนมีจิตใจ ที่เปิดกว้างและจริงใจ อย่างแท้จริง พวกเขาก็จะ ได้พบอาจารย์ของพวกเขา อย่าดูที่รูปลักษณ์ ของอาจารย์ มองเข้าไปในจิตวิญญาณของท่าน มองดูประสบการณ์ของท่าน เกี่ยวกับวิถีทางจิตวิญญาณ ดูว่าท่านสามารถอวยพรคุณได้หรือไม่ ดูว่าท่านสามารถนำคุณ กลับบ้านและให้การรู้แจ้ง แก่คุณได้หรือไม่“การรู้แจ้ง” หมายถึง แสงสว่าง การทำให้-รู้แจ้ง - แสงสว่าง ดังนั้น หากท่านสามารถ ให้การรู้แจ้งแก่คุณได้ทันที เช่นเดียวกับวิธีที่เราทำด้วย ธรรมวิถีกวนอิม คุณก็จะได้ เห็นแสงสว่างของพระพุทธเจ้า แสงของพระเจ้า หรือชื่ออะไรก็ตามที่คุณเรียกมัน แล้วคุณจะรู้ว่า อาจารย์มีความสามารถ หรือท่านสามารถช่วย ให้คุณได้ยินเสียงทำนอง (แห่งสวรรค์) เสียงภายใน เสียงที่ไม่มีเสียง นั่นคือวิธีที่คุณจะรู้ว่า อาจารย์รู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ อย่างแท้จริง หรืออย่างน้อยก็ เป็นผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ ของอาจารย์ผู้รู้แจ้งในพระคัมภีร์ไบเบิล เหล่าศิษย์ ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ซึ่งไม่มีเสียงฟ้าร้อง เสียงแตรก็ ไม่มีแตร เสียงน้ำมากหลาย ที่ไม่มีแม่น้ำ หรือมหาสมุทร พวกเขามองเห็นแสงสว่าง ราวกับไฟที่ซึ่งมีเพียง พุ่มไม้สดที่มีชีวิต! ในพุทธสูตรเพชร พระพุทธองค์ตรัสว่า “อย่ามองหารูปลักษณ์ หรือเสียงจากโลกภายนอก เพราะจะไม่เห็น พระพุทธเจ้าที่นั่น” วิถีกวนอิมจะทำให้คุณ ได้รับประสบการณ์ภายใน ทันทีเกี่ยวกับโลกภายใน แสงภายในที่ไม่มีแสง เสียงภายในที่ไม่มีเสียง ทั้งหมดนี้มาจากคำสอน ภายในโดยตรงของพระเจ้า จากคำสอนภายใน โดยตรงของพระพุทธเจ้า นั่นคือสิ่งที่คุณต้องรู้ ถึงจะหลุดพ้น ชาติหนึ่ง ชาตินี้!!! แม้ในสมัยสิ้นสุดธรรมะ - ในสมัยที่สิ้นหวัง ลำบาก และอันตราย คือในสมัยของเรา!เมื่อมิลาเรปะไปแสวงหา การรู้แจ้งกับมารปะแล้ว ท่านก็รอต่อไปอีกไม่ไหว เพราะมารปะ อาจารย์ เอาแต่ทดสอบท่าน ให้ท่าน ทำงานต่าง ๆ ทุกอย่าง ทั้งงานใช้แรงงาน งานหนัก สร้างโรงเรือนหลังแล้วหลังเล่า สร้างบ้าน หลังแล้วหลังเล่า แค่นั้น – ไม่ได้สอนอะไรท่านเลย แล้วก็ทุบตีท่านด้วย และท่านมีแผลเป็นและ บาดเจ็บและเลือดไหลและภรรยาของมารปะ อาจารย์ รู้สึกเสียใจมาก ต่อมิลาเรปะ นางจึงปลอมจดหมาย ราวกับว่าอาจารย์มารปะ สามีของนางเขียนไว้ แล้วมอบให้มิลาเรปะ เพื่อไปหาลูกศิษย์ที่ ท่านแต่งตั้งไว้ ที่สถานที่ใกล้เคียง หมู่บ้านอื่นหรือเมืองอื่น และได้มอบจดหมายนั้นแก่เขา (ลูกศิษย์ที่ได้รับแต่งตั้ง) โดยบอกว่าอาจารย์ ประสงค์ให้เขาประทับจิต บุคคลนี้ มิลาเรปะดังนั้นลูกศิษย์คนนั้นก็ทำมัน แต่มิลาเรปะไม่มีประสบการณ์ แสงแห่งสวรรค์ภายในและ พระวจนะของพระพุทธเจ้าหรือ พระเจ้าที่อยู่ในตัวเขาเลย ดังนั้นลูกศิษย์ที่ได้รับมอบหมายซึ่ง สามารถทำการประทับจิตจึงเกิด ความสงสัย เขาสงสัยว่าบางที มารปะ ซึ่งเป็นอาจารย์ดั้งเดิม อาจไม่ได้อนุญาต ต่อมาพวกเขาจึงได้รู้ ว่ามันเป็นเรื่องจริงเช่นนั้น มีเพียงภรรยาของเขา (ของมารปะ) เท่านั้นที่รู้สึกเสียใจ ต่อมิลาเรปะ และรู้สึกประทับใจ กับความปรารถนาอย่างจริงใจและ ถ่อมตัวของเขาในการประทับจิต ดังนั้นเธอจึงปลอมจดหมายในที่สุด มิลาเรปะ ก็ได้รับการประทับจิต และ ณ เวลานั้น เขามีประสบการณ์ภายใน เช่นเดียวกับที่คุณซึ่ง เป็นผู้ประทับจิตมีบางครั้งก็มีอาจารย์ปลอม ที่ถูกปีศาจเข้าสิง มีปีศาจ ระดับสูงบางตัว และปีศาจนั้นสามารถทำให้คุณรู้สึก เหมือนว่าอาจารย์นี้เป็นอาจารย์จริง พวกเขาแค่ใช้พลัง เวทมนตร์เพื่อหลอกให้คุณ คิดว่า "โอ้ ฉันรู้สึก อะไรบางอย่าง ดังนั้นนี่ ต้องเป็นอาจารย์แน่ ๆ" มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ดังนั้นอาจารย์ที่แท้จริง จึงหาได้ยากเช่นกัน และฉันหวังว่าเขาหรือเธอ จะไม่ทุบตีคุณเหมือนที่ มาร์ปะทำกับมิลาเรปะ และพวกเขาก็ให้คุณรู้แจ้งทันที ในแบบที่ฉันมอบให้ กับลูกศิษย์ของฉันเอง ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับโชคของคุณ แต่เกณฑ์คือ คุณต้องเห็น แสงสว่างแห่งสวรรค์ และได้ยินเสียงสวรรค์ พระวจนะของพระเจ้า คำสอน ของพระพุทธเจ้าโดยตรง นั่นคือเกณฑ์Photo Caption: ไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่จะเขียนได้!