รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
มีบัญญัติสิบประการ ในคัมภีร์ไบเบิล ข้อแรกคือ “เจ้าจะต้องไม่ฆ่า” เมื่อเราฆ่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ เรากระทำการฆ่า ตราบใดที่มันมีชีวิต มันถือว่าเป็นการฆ่า มันไม่ได้พูดว่า “อย่าฆ่าคน” มันพูดว่า “อย่าฆ่า” แปลว่าอย่าคร่าชีวิตใด ๆ นี่คือพระบัญญัติ ศีลข้อแรก คล้ายกันในศาสนาพุทธ ศีลข้อแรก สำคัญที่สุด และมันก็คือการไม่ฆ่าเช่นกัน คล้ายกันในศาสนาฮินดู ศีลข้อแรกคือ ไม่ฆ่า ในศาสนาเชน ศีลข้อแรก เช่นกัน คือ ไม่ฆ่า เช่นเดียวกันกับ ศาสนาอิสลาม คุณพบศาสนาใดไหม ที่ไม่บอกผู้คน ว่าไม่ให้ฆ่า หรือแม้แต่บอกผู้คนให้ฆ่า? เกือบทุกศาสนา ตั้ง ไม่ฆ่า เป็นศีลข้อแรก พวกเขาไม่ได้บอกว่าจะไม่ฆ่า “คน” โอ้ ฉันขอโทษ พวกเขาต่างพูดว่าไม่ให้ ฆ่าสิ่งมีชีวิตหรือคร่าชีวิตและในศาสนาพุทธ กฎของเหตุและผล นั้นแน่นอนและเที่ยงตรง อะไรก็ตามที่คุณทำแก่ผู้อื่น มันจะถูกกระทำต่อเรา ในทางใดทางหนึ่ง ไม่เพียงแต่ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์พูดเช่นเดียวกัน “ขณะที่คุณหว่าน คุณก็จะเก็บเกี่ยว” และศาสนาอื่น ๆ คุณดูดี ๆ คุณจะเห็น กฎแห่งกรรม เหตุและผล อะไรก็ตามที่คุณทำ จะถูกกระทำกับคุณ ดังนั้น ขงจื๊อ กล่าวว่า “ไม่ทำ กับผู้อื่น สิ่งที่คุณไม่ปรารถนา ให้ตนเอง” เพราะท่านก็รู้ กฎแห่งกรรม แปลว่าอะไรก็ตามที่คุณทำ คุณจะได้ผลลัพธ์ เลวหรือดี ดังนั้น ตอนนี้ เราไม่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ไม่ดีใด ดังนั้นเราต้องเริ่ม ทำสิ่งดี ๆ เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีศาสดา มูฮัมหมัด สันติสุขจงมีแด่ท่าน มักจะบอกผู้คน ให้กินมังสวิรัติ เราสามารถหาหลักฐานได้ ทุกที่ในคัมภีร์กุลอาน พระองค์ยังบอกลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ ว่าอย่ากินมัน “อาลี ได้โปรดอย่ากินมัน อย่ากินสัตว์ต่าง ๆ เพราะคุณสมบัติของสัตว์ จะเข้ามาภายในตัวคุณ อย่ากินสิ่งนั้น อย่ากินสิ่งนั้น” แม้แต่กระนั้น แต่ตอนนี้ ผู้คนไม่ถามมัน มันใช้จิตที่จริงใจจริง ๆ ที่จะตั้งคำถาม ถูกและผิด คุณต้องฉลาดนิดหน่อย และใช้เวลาสักนิด ไม่ว่าคุณจะยุ่งอย่างไร คุณต้องใช้เวลา ที่จะเข้าใจคำสอน ของศาสดาเก่า ๆ ของอาจารย์ผู้รู้แจ้งคนก่อน ๆ มิฉะนั้น เราก็แค่ทำตามเขาไป เราไม่รู้อะไร และในตอนท้ายของชีวิตเรา แม้ว่าเราจะเป็นชาวคริสเตียน ที่ศรัทธามาก ๆ หรือชาวพุทธที่ศรัทธามาก ๆ แล้วเราก็ต้องการอย่างแท้จริง ที่จะรู้จักธรรมาชาติพุทธะ แล้วเราก็ต้องการอย่างแท้จริง ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แต่เราเสียชีวิตมนุษย์ของเราทั้งหมด ด้วยการไม่ทำอะไรเลย ไม่หาอะไรเลยฉันบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้ว ในการบรรยายของฉันบางครั้ง ว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ มันอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณกลับไปที่บ้านแล้ว ไปอ่านศูรางคมสูตร หน้า 163 คุณอ่านมัน “คุณควรรู้ ว่าคนเหล่านี้ที่กินเนื้อสัตว์ อาจจะได้การรับรู้บางอย่าง และอาจจะดูเหมือนว่า อยู่ในสมาธิด้วย แต่พวกเขา ต่างเป็นรากษสที่ยิ่งใหญ่” ผี ผีชั้นต่ำ ไม่ใช่แม้แต่เทพบนสวรรค์ ไม่ใช่แม้แต่เทวดา ในอาณาจักรระดับต่ำ ไม่ใช่แม้แต่อสูร มันคือ รากษส ผีชั้นต่ำ มีพลังเวทมนตร์บ้าง อาจจะ “เมื่อผลกรรมของพวกเขาหมดลง พวกเขาถูกผูกมัดให้จมลง สู่ทะเลแห่งความขมขื่น ของการเกิดและตายอีกครั้ง พวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์ ของพระพุทธเจ้า คนเช่นนั้นเป็นพวกที่ ฆ่าและกินกันและกัน ในวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด คนเช่นนั้นจะขึ้นไป เหนือดินแดนทั้งสามได้อย่างไร?” ดินแดนทั้งสามคือ โลกทิพย์ และโลกที่สอง และโลกที่สามด้วย หลังจากที่คุณขึ้นไปเหนือ โลกทั้งสาม คุณจะก็หลุดพ้นตลอดกาล ระดับที่สี่ หรือคุณสามารถพูดได้ว่า พวกเขาไม่สามารถขึ้นไป เหนือการคงอยู่ทั้งสาม เช่นเดียวกับผีที่หิวโหย และการเกิดของสัตว์นรก และของสัตว์ร้ายทุกศาสนาพูด บางอย่างเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม หรือ “ขณะที่คุณหว่าน คุณจะเก็บเกี่ยว” นี่ถูกอธิบายไว้ ผ่านวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นหลักของฟิสิกส์ ที่พูดว่า ทุก ๆ การกระทำ ก่อผลลัพธ์ที่เท่ากัน ดังนั้น กฎแห่งกรรม (กรรมสนอง) และวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกัน แปลว่าอะไรก็ตามที่เราทำ จะกลับมาหาเรา จากมุมมองนี้ เห็นได้ชัดว่าเราจะหวัง ที่จะหลีกเลี่ยงการฆ่า มิฉะนั้น เราจะเก็บเกี่ยว กรรม (ผลกรรมสนอง) ของการฆ่า กลับมา คำสอนที่ทรงปัญญาทั้งหมด ของอาจารย์ในอดีตและปัจจุบัน ได้ สนับสนุน แต่ความรักและความเมตตา ต่อกันและกัน “เจ้าจะไม่ฆ่า” คือศีลพื้นฐานของศาสนาใด ๆ ดังนั้น เราต้องกลับสู่เชื้อสายจิตวิญญาณ อันสูงส่งของเราอย่างเต็มตัว สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะสามารถนำ ความปลอดภัยถาวร และการคุ้มครองมาให้เรา ด้วยการได้พระเมตตาของสวรรค์ ที่เราสามารถลี้ภัยได้มันไม่ใช่คำถาม ว่าอาจารย์คนหนึ่ง ยิ่งใหญ่กว่าอีกคนหนึ่ง หรืออาจารย์ท่านใดได้ทำ งานที่ดีกว่า ในการยกระดับดาวเคราะห์ของเรา แต่คำถามคือไม่ว่าเรา มนุษยชาติ ได้ทำตามคำสอนของพวกเขา ไปสู่วิญญาณที่แท้จริง ของปัญญาของพวกเขา ดังนั้น คำสอนของอาจารย์ ได้ถูกทิ้งไว้ให้เรา ตอนนี้เราต้องพยายาม เลียนแบบความยิ่งใหญ่ของพวกเขาส่วนมากเราศึกษา แต่เราไม่ปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น ศาสนาคริสต์ คัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า “เจ้าจะต้องไม่ฆ่า” และ “อย่าอยู่ในหมู่ คนกินเนื้อสัตว์ และคนดื่มไวน์” อย่างอยู่ในหมู่พวกเขาด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น อย่างคนกินเนื้อสัตว์ สิ่งเหล่านี้ง่ายมาก แต่ฉันคิดว่าพวกเราหลายคน ได้มองข้ามไป และพระพุทธเจ้าก็ได้ทรงสอนเรา ให้เป็นมังสวิรัติ อย่ากินสิ่งมีชีวิตที่รับรู้ความรู้สึกได้ ใด ๆ เพราะพวกเขาต่างเป็น ญาติและเพื่อน ๆ ของเรา แปลว่าเราทุกคน เชื่อมต่อกัน ศาสนาฮินดูสอนเช่นเดียวกัน ศาสนาเชน สอนเช่นเดียวกัน หลีกเลี่ยงการฆ่าในทุกรูปแบบ คำสอนของ ศาสดามูฮัมหมัด สันติสุขจงมีแด่ท่าน: ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราศึกษาคำสอนของพวกเขา อย่างแท้จริง เราจะพบมันในทุกศาสนาหลัก มันมีสิ่งที่เหมือนกัน เช่นหลักการ “อย่าทำต่อผู้อื่น สิ่งที่คุณไม่อยากให้มัน ทำกับคุณ” และ “เจ้าจะไม่ฆ่า” “อหิงสา” แปลว่า ความไม่รุนแรง เป็นต้น... เห็นได้ชัดว่า การกิน สัตว์ใดก็ตาม สิ่งมีชีวิตที่รับรู้ความรู้สึกได้ ถูกห้ามแน่นอน ในทุกระบบความเชื่อหลัก ๆ ทั้งหมด และคำสอนศักดิ์สิทธิ์ แต่บุตรของพระเจ้าจำนวนมากเกินไป หรือผู้นับถือศาสนา ไม่ทำตามคำสอนพื้นฐาน เหล่านี้ เพราะเราได้ถูกนำ หลงทางด้วยความคิดผิด ๆ ว่าเราจำเป็นต้องกิน เนื้อของสัตว์ ปลา ไข่ และนมเพื่อจะได้แข็งแรง ที่จริงมันตรงกันข้าม มันได้ถูกพิสูจน์แล้ว ในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และคลินิก ว่าการบริโภคสัตว์ ก่อนให้เกิดโรคนับไม่ถ้วน ในมนุษย์ เช่น มะเร็ง มะเร็งประเภทต่าง ๆ และโรคหัวใจ ซึ่งทำให้ตายก่อนวัย และความเศร้าโศก ความทุกข์ไม่สิ้นสุดก่อนตาย ไม่ใช่แต่ผู้ป่วย แต่ญาติ เพื่อน สมาชิกครอบครัว และคนที่รักของพวกเขาด้วย มันถึงเวลาแล้วตอนนี้ที่จะตื่น และเปลี่ยนนิสัยที่โหดร้าย ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่มีประโยชน์ ต่อกายและจิตวิญญาณ และความโหดร้ายที่สุด ที่เกี่ยวข้อง การกินอาหารดั้งเดิมของเรา อย่างในสวนอีเดน คืออาหารวีแกน มันเสริมสร้าง ทั้งการอยู่ดีกินดีของทั้งกาย และใจและจิตวิญญาณ เราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แข็งแรง เติบโตอย่างบริสุทธิ์ ด้วยอาหารจากพืช