รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ฉันอยากจะขอบคุณ พระมหากัสสปะ ที่มีเมตตาต่อฉันมา ณ ที่นี้ เราเป็นเพื่อนกันในชาติก่อน และเราก็ดีต่อกัน และเข้ากันได้ ขอบคุณสำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า ขอบพระคุณสำหรับชาม เหมือนบาตรพระ สำหรับพระเพื่อบิณฑบาต [...] แต่ในสมัยของเรา พระมหากัสสปะจะเข้าใจ พระพุทธเจ้าก็ทรงเข้าใจว่า การบิณฑบาตเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะผู้หญิง และฉันก็ ไม่ได้อ่อนวัยแบบนั้นแล้ว ฉันจึงทานข้าวในบ้าน วันละมื้อเท่านั้น ทำการบ้านมากมาย ทั้งภายใน และภายนอก ดังนั้น ถ้าฉันออกไป ขออาหาร และกลับมา ฉันคิดว่ามันคงไม่สะดวก สำหรับฉัน แม้ว่าฉันจะรัก ชีวิตที่อิสระนั้นมาก มาก เป็นอย่างมากก็ตาม!!!แม้แต่แค่จะทานสักมื้อ ปรุงและล้าง ฉันรู้สึกแล้ว ว่ามันเป็นงานเยอะมากสำหรับฉัน และคุณต้อง ทำความสะอาดบ้านของคุณ คุณต้องทำความสะอาดพื้น ซักผ้าห่มและเสื้อผ้า แล้วล้างจาน หลังจากปรุงอาหาร และล้างครัว ล้างช้อนส้อมและทั้งหมดนั่น ฉันรู้สึกว่ามันมากเกินไป งานมากเกินไปอยู่แล้ว ฉันหวังว่าพระเจ้าจะอนุญาตให้ฉัน เป็นนักกินอากาศอีกครั้ง มันสะดวกกว่า แต่ฉันก็ยังไม่สามารถทำได้ ฉันยังไม่ได้รับอนุญาต ฉันยังรู้สึกเสียใจมาก ที่ฉันเป็นนักกินอากาศไม่ได้ เพราะมันดีมาก ตอนที่ฉันเป็นนักกินอากาศ ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันเดินอยู่บนเมฆ และทุกอย่างรู้สึกเบา ทุกอย่างรู้สึกไร้กังวล และไม่มีใครเกี่ยวข้อง ไม่มีสิ่งใดให้คุณกังวล ไม่มีอะไรที่คุณกลัว เพราะคุณไม่มีอะไร และถ้าคุณยิ่งไม่กิน ไม่ดื่ม คุณไม่มีสิ่งใด ให้กลัวเลยจริง ๆ คุณไม่มีอะไรให้สูญเสีย มันเป็นความรู้สึกที่งดงาม มาก ๆ มาก ๆ จริง ๆและตอนนี้ แม้แต่การกินวันละครั้ง บ่อยครั้ง ฉันก็ไม่ได้รับรู้รสชาติอะไร บางครั้งฉันรู้สึกอยากอาหารนิดหน่อย หรือแม้แต่หิว แต่รสชาติอาหาร น้อยครั้งที่จะอร่อย อาจจะเป็นเพราะ ตอนที่คุณปรุงให้ตัวเอง มันไม่อร่อยมาก ถ้าคนอื่นปรุงให้คุณ มันก็อาจจะอร่อยฉันจำได้ว่าฉันเคยรักอาหาร ฉันรักอาหารมากแต่ก่อน และฉันก็มักจะมี ปาร์ตี้เล็ก ๆ ในครัวเล็ก ๆ ของฉัน ฉันมีเชฟและกุ๊กสองสามคน ทำอาหารให้ฉัน ฉันก็ขอให้พวกเขาทำเยอะด้วย และฉันเชิญคนทำงาน ในอาศรม พระและแม่ชีบ้าง ไม่ใช่พวกเขาทุกคน คนที่มาและช่วยฉัน ซ่อมแซมบ้าน หรือซ่อมรถ หรือบางคนช่วยฉันทำความสะอาด รถกอล์ฟหรือสนามบ้านฉัน อะไรอย่างนั้น ดังนั้น พระหรือแม่ชี ฉันเชิญพวกเขา พวกเขาสลับกัน ดังนั้น มันดีมาก และตอนที่ฉันทานกับคนอื่น มันก็อร่อยมาก ดีมาก น่ารับประทานมาก แล้วฉันก็ทานเยอะแต่แล้วภายหลัง ฉันเลือกที่จะทาน วันละครั้ง และน้อยลง ๆ เพราะแม้ว่าคุณชอบ คุณไม่ควรกินมากนัก ฉันหมายถึงฉัน ไม่ใช่คุณ ได้โปรด ทำสิ่งที่คุณต้องการ กับชีวิตของคุณ มันคือชีวิตคุณ ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายใคร และตราบใดที่คุณเป็นวีแกน ฉันมีความสุขแล้ว แต่ถ้าคุณอยากลองให้มี ความเจ็บปวดน้อยลง ๆ ความเจ็บปวด ที่มองไม่เห็น แม้แต่จากพืช ต้นไม้ หรือดอกไม้ในบ้านของคุณ คุณก็ลองมัน ค่อย ๆ ทำ จนคุณคุ้นเคยกับมัน ดูว่า ร่างกายคุณยอมรับ นิสัยใหม่ไหม อย่าตัดทุกอย่าง ในคราวเดียว อย่างที่ฉันทำ ตอนที่ฉันเปลี่ยนเป็นนักกินอากาศ คุณอาจจะก่อปัญหา ให้ตัวคุณเอง ฉันไม่ได้ก่อปัญหาให้ตัวฉันเอง ตอนนั้น ฉันอายุน้อยกว่าและแข็งแรง ฉันทำงานเยอะในวัด ทำความสะอาดทุกวัน ซักล้าง ปรุงอาหารให้ทุกคน และช่วยเขียนบทความ สำหรับเจ้าอาวาสและถอดข้อความ การบรรยายของเขาลงกระดาษ เขามีนิตยสารหรืออะไรก่อนนั้น ฉันได้พบกับ แม่ชีนักกินน้ำมาก่อน ฉันบอกคุณแล้ว ในเหมี่ยวลี่ ไม่ใช่ที่เราอยู่ แต่ใกล้ ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เรียกว่า เหมี่ยวลี่ ดังนั้น ใจฉันตั้งแต่นั้นมา ปรารถนามาตลอดที่จะเป็นอย่างน้อย นักกินน้ำหรือนักกินอากาศ แต่ยังไงฉันก็ทำไม่ได้ เพราะฉันต้องบอกความจริงกับคุณ ฉันรักอาหาร! ฉันจำได้นานมาแล้ว พระพุทธเจ้าบอกฉันว่า ท่านเป็นพุทธะก่อนฉัน เป็นเพราะฉันรักอาหารมากเกินไป และกินเยอะ! ฉันก็ยังรักนะ แม้ว่า ไม่มากเท่าแต่ก่อน ปกติแล้ว แต่ก่อน ฉันอยู่กันคนอื่น หรือในวัด คนจำนวนมาก มากินด้วยกัน นั่นทำให้คุณ ยิ่งมีความอยากอาหารมากขึ้น และตอนที่ฉันอยู่ที่ซีหู ไต้หวัน (ฟอร์โมซา) ด้วย ฉันเชิญผู้คนมา ทานกับฉัน ดังนั้นคนยิ่งมากอยู่กับคุณ คุณยิ่งมีความอยากอาหารมากขึ้น และคุณยิ่งกินมากขึ้นบางครั้งฉันกลับไป ใส่เสื้อผ้าชุดเก่าสวย ๆ ไม่ได้ ที่พวกเขาทำให้ฉันแต่ก่อน แต่ส่วนมาก ตอนที่ออกไปตามที่สาธารณะ ฉันต้องใส่เสื้อผ้า ที่ฉันออกแบบ หรือที่พวกเขาดีไซน์ ที่บริษัทต่าง ๆ เพื่อขาย เหมือนฉันเป็นนางแบบ แต่ฉันไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ต้องอิจฉา ฉันไม่รู้ว่าการเป็นอาจารย์ คุณยังต้องร้องเพลงและเต้นรำ ฉันต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง และฉันยังต้องทำอยู่ ทางใดทางหนึ่ง คนส่วนใหญ่ ที่รู้เกี่ยวกับดีไซน์ของฉัน หรือเครื่องประดับของฉัน ยกตัวอย่าง พวกเขาชอบมันมาก ดังนั้น ยังไงฉันก็โชว์มันคุณอาจสงสัยว่าทำไม ฉันไม่สนับสนุนการกินอาหารวันละมื้อ หรือการบำเพ็ญตบะ เมื่อฉันเองทำมัน ฉันทำมันด้วยเหตุผลต่างกัน ฉันบอกสวรรค์ไปว่า ถ้าฉันทานวันละครั้ง ขณะที่โดยปกติ ฉันสามารถทาน ได้วันละสามครั้ง - มื้อใดก็ตามที่ฉันไม่ทาน สามารถให้แก่วิญญาณอื่น และแม้ว่าคุณไม่ได้พบ กับคุณหิวโหยเหล่านั้น หรืออาจจะผีหิวโหย ถ้าคุณมีเหลือในจิตของคุณ อาหารก็จะไปสู่พวกเขา ด้วยการส่งวิธีต่าง ๆ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเห็น ว่าฉันแบ่งปันอาหารกับพวกเขา แต่เพราะคำสาบาน พวกเขาจะได้รับมันแต่ฉันเพียงพยายาม ทำให้คุณเข้าใจ: “อย่าลงโทษร่างกายคุณ” หนึ่งมื้อต่อวัน ไม่ได้ทำให้คุณหลุดพ้นและ ไม่ทำให้คุณรู้แจ้ง เพราะมันต้องมีการส่งพลัง โดยอาจารย์ผู้รู้แจ้งแล้ว เช่นเดียวกับเทียน ส่งต่อแสงไปสู่เทียนเล่มถัดไป และทั้งสองเล่ม จะถูกจุดสว่างอย่างนั้น แต่ปราศจากเทียนที่จุดไว้แล้ว เทียนอีกเล่มจะไม่สว่าง มันต้องมีเครื่องจุดไฟ อีกอย่างที่ไหนสักแห่ง เช่นเทียน ไฟ ไฟแช็ค หรือแม้แต่แก๊สติดอยู่บนเตาทีนี้ พระมหากัสสปะ บัดนี้ท่านเป็นนักพรตแล้ว - เข้าทางจิตวิญญาณอย่างมาก ท่านได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจาก อาจารย์คนอื่น ๆ มาก่อนพระพุทธเจ้า แล้วเหตุใดท่านยังต้องไปหา พระพุทธเจ้า เพื่อที่จะให้ได้ สถานะอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน อย่างพระอรหันต์ในเวลาอันสั้น? เหตุใดท่านจึงต้องทำเช่นนั้น? เพราะท่านรู้ว่า คุณต้องมีคนนำทาง คุณต้องมีผู้เชี่ยวชาญ คุณต้องมีอาจารย์ ผู้ถ่ายทอดวิถีให้กับคุณ โดยมีพลังงานของอาจารย์ อยู่ด้วย อย่างน้อย ก็ในตอนแรก ซึ่งจะช่วยให้คุณกลับไปสู่อาณาจักร ภายใน ที่เป็นของคุณ จากนั้น คุณก็ค่อย ๆ เดินกลับบ้าน จากอาณาจักรภายในหากคุณไม่มีอาจารย์ อาจารย์ที่มีชีวิต ครูที่มีชีวิต ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณสามารถพูดได้ว่า 99% ไม่เกิดผล แม้ว่าคุณจะสามารถบรรลุพลัง การทำสมาธิบางอย่าง อย่างผู้หยั่งรู้ หรือพลังโยคะบางอย่าง หรือ อะไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่การหลุดพ้น โดยสมบูรณ์ มันไม่ใช่พุทธภาวะ คุณจะเกิดใหม่อีกครั้งบนโลก แล้วพระเจ้าทรงรู้ว่าคุณยังสามารถ ควบคุมชีวิตของคุณ ในด้านคุณธรรม ศีลธรรม และความงามต่อไปได้หรือไม่ หากไม่มีการถ่ายทอดที่แท้จริง ของพลังภายในให้กับคุณ เพื่อเปิดพลังของคุณเอง มันมีโอกาสน้อยมากที่คุณจะสามารถ ทำให้ตัวเองรู้แจ้ง และเข้าถึงความหลุดพ้น หรือหากเรียนรู้วิธีอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ใช่ที่สูงที่สุดหลังจากพระมหากัสสปะ แจ้งข่าวแก่ภริยาแล้ว เธอก็มาศึกษากับพระพุทธเจ้า และในเวลาไม่นาน เธอก็ได้เป็นพระอรหันต์ด้วย ซึ่งหมายถึงเป็น "นักบุญ" แล้ว ในสมัยพุทธกาล บางครั้งพระพุทธเจ้า ก็ตรัสกับบางคน หรือพวกเขามาสนทนากับพระองค์ แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงอธิบาย แก่เขา/เธอ ทรงเทศนา สัจธรรมแก่เขา/เธอ แล้ว บุคคลนั้นก็รู้แจ้งและ บรรลุระดับหนึ่ง ภายหลังการประชุม และสนทนา กับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เพราะพระดำรัสหรือ พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้า แต่เป็นเพราะฤทธิ์อำนาจที่ แผ่ออกมา และ/หรือที่ พระพุทธเจ้าจะทรงสอนวิธี ปฏิบัติแก่บุคคลนั้นด้วย อาจจะวิถีแสงและเสียง แห่งสวรรค์ภายใน วิถีที่คุณกำลังฝึกฝนดังนั้น ไม่ใช่ ว่าคุณสามารถทำซ้ำหรือเรียนรู้ จากคนอื่น มือสองหรือสาม จากพระพุทธเจ้า นั่นหมายถึงเกิดจาก คำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วคุณก็จะรู้แจ้ง มันต้องเป็นอาจารย์ที่มีชีวิต และภิกษุอื่น ๆ อีกมาก เช่นกัน เช่น พระอานนท์และบุคคลอื่น ๆ พวกท่านจะต้องอยู่ภายใต้การชี้นำ อันเมตตาของพระพุทธเจ้า ด้วยพลังอันมหาศาลจาก ภายในพระพุทธเจ้าเองPhoto Caption: ไชโย! วันอันงดงามอีกวัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระอาทิตย์!